Apple, Day
รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของ Apple คาดว่าจะประกาศออกมาหลังตลาดสหรัฐปิดคืนนี้ อ้างอิงตามงานวิจัยของ Zacks จากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ 11 คน คาดว่าผลตอบแทนต่อหุ้นของ Apple จะอยู่ที่ $4.53 โดยรายงานผลตอบแทนต่อหุ้นในไตรมาสเดียวกันนี้เมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ $4.18 ขณะที่ 4 ไตรมาสที่ผ่านมาผลตอบแทนต่อหุ้นล้วนออกมาดีกว่าตัวเลขที่มีการคาดการณ์กันเอาไว้ ส่วนรายได้คาดว่าจะอยู่ที่ $88.4 พันล้าน เพิ่มขึ้นจาก $84.3 พันล้าน ของปีที่แล้ว
โดยทั้งปีหุ้น APPL โตกว่า 95.84% และทำ all-time high เมื่อศุกร์ที่ผ่านมาแถว $323
ขณะที่มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในช่วงสิ้นปี (31 ธันวาคม) คือมีการเข้าซื้อหุ้น Apple เพิ่มเติมของนักลงทุนสถาบันอย่าง BOSTON TRUST WALDEN, INC ที่ซื้อเพิ่ม 977,900 หุ้น ARTEMIS INVESTMENT MANAGEMENT LL ซื้อในช่วงเวลาเดียวกันราว 800,200 หุ้น และนักลงทุนสถาบันอีกรายคือ WEDGE CAPITAL MANAGEMENT LLP ที่ซื้อ 162,600 หุ้น ทำให้ตอนนี้ส่วนของผู้ถือหุ้นที่เป็นนักลงทุนสถาบันคิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 62.50% ของหุ้น Apple ทั้งหมด ประกอบกับการเผยตัวเลขยอดขาย iPhone ในจีนที่โตขึ้นกว่า 18% ทำให้ราคาหุ้นสามารถขึ้นต่อจากราคาปิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคมแถว $291.84 มาทำ all-time high ที่ $323.05 ก่อนจะร่วงตามตลาดในสัปดาห์นี้
แม้ Atlantic Equities จะมีการดาวน์เกรดหุ้น Apple เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมาก็ตาม
ความน่าสนใจของผลิตภัณฑ์ Apple ในเวลานี้ได้แก่ Apple TV+ ซึ่งตามข้อมูลของ WSJ มียอดผู้สมัครใช้บริการเฉพาะในสหรัฐแล้วกว่า 33.6 ล้านคน (ยังไม่รวมผู้ใช้บริการทั่วโลก) ด้วยเงื่อนไขดูฟรี 1 ปี สำหรับลูกค้าที่ซื้อ iPhone, iPod, iPad, Mac or Apple TV หลังวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นอกจากนี้อ้างอิงตาม 9to5Mac ปีนี้ Apple มีแผนเปิดตัว Apple Watch ตัวเรือนอลูมิเนียมสีแดงซึ่งอยู่ในกลุ่ม PRODUCT(RED) รวมถึง Apple เองได้มีการเปิดเผยว่า AirTags ซึ่งเป็นเครื่องติดตามส่วนบุคคล ที่จะช่วยในการค้นหาสิ่งของเพียงแค่ยก iPhone ชี้ไปยังตำแหน่งของสิ่งของนั้นๆ กำลังจะพร้อมออกสู่ตลาดเร็วๆ นี้
ในขณะที่ยอดขาย iPhone 11 ที่ถล่มทลายในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้มีการเปิดเผยถึงยอดขาย iPhone ในประเทศจีนที่ทั้งปีเพิ่มขึ้นราว 18% และจากการลงนามในข้อตกลงทางการค้าเฟสหนึ่งระหว่างสหรัฐกับจีน อาจเป็นการเปิดทางให้ Apple เข้าถึงลูกค้าในจีนได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามขณะนี้จีนกำลังถูกคุกคามด้วยการระบาดของ ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (อู่ฮั่น) ที่กำลังสร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจของจีน และสั่นคลอนตลาดโลกอยู่ในขณะนี้
ในมุมมองเทคนิคอล การที่ราคาขึ้นมายืนเหนือเส้น EMA 200 ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่สอดคล้องกับ MACD ที่ขึ้นมาอยู่ในแดนบวกในช่วงเวลาเดียวกัน พร้อมกับการทำ high ใหม่อย่างต่อเนื่อง กลายเป็นเทรนด์ขาขึ้นที่แข็งแกร่งและยากที่จะมองหาราคาเป้าหมายหรือแนวต้าน
อย่างไรก็ตามจากการที่ราคาร่วงลงมาในสัปดาห์นี้ ทำให้มองเห็นแนวโน้มกรอบแนวรับแนวต้านดังภาพ ที่หากผลประกอบไตรมาส 4 ออกมาดี ราคาอาจเด้งขึ้นไปแถว high เดิมที่ $323 หรือหากผลประกอบการออกมาไม่ดีราคาอาจร่วงมาที่เส้นกรอบล่างของชาแนล และ Bollinger Band แถว $294 และกรณีแย่สุดอาจลงมาถึง $280
คลิก ที่นี่ เพื่อดูปฏิทินเศรษฐกิจ
Chayut Vachirathanakit
Market Analyst – HF Educational Office – Thailand
คำเตือน: บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อการสื่อสารด้านการตลาดทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่การวิจัยเพื่อการลงทุน และไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ที่ประกอบด้วยคำแนะนำเพื่อการลงทุนหรือถูกพิจรณาว่าเป็นคำแนะนำเพื่อการลงทุน หรือชักชวนให้ซื้อหรือขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ข้อมูลทั้งหมดนี้ถูกรวบรวมจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และทุกข้อมูลประกอบด้วยผลงานในอดีตที่ไม่สามารถรับประกัน หรือชี้วัดผลงานในอนาคตได้ ผู้ใช้พึงเข้าใจว่าการลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่มี Leveraged มีลักษณะเฉพาะที่มีระดับความเสี่ยงสูง ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องแบกรับความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว ทางเราจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายจากการลงทุนใดๆ ที่เกิดจากการนำข้อมูลนี้ไปใช้ ข้อมูลนี้จะต้องไม่มีการผลิตซ้ำหรือแจกจ่ายโดยปราศจากการได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร