Walmart Inc (#Walmart): ห้างค้าปลีกใหญ่สุดของสหรัฐฯ ที่มีหน้าร้านมากกว่า 11,400 แห่ง จำหน่ายสินค้าทั่วไปและสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ อีกมากมาย โดยปี 2021 มีสัดส่วนยอดขาย 78% อยู่ในสหรัฐฯ 6% จากเม็กซิโกและอเมริกากลาง และ 4% จากแคนาดา สำหรับกำหนดวันรายงานรายได้สิ้นสุดไตรมาสเดือนเมษายน 2021 จะมีขึ้นวันอังคารที่ 18 พฤษภาคม ก่อนตลาดสหรัฐเปิด โดย Zacks คาดการณ์ผลตอบแทนต่อหุ้นของบริษัทอยู่ที่ 1.21 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่า 1.39 ดอลลาร์ ของไตรมาสก่อนหน้านี้ แต่สูงกว่า 1.18 ดอลลาร์ของไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา ขณะที่คาดการณ์ยอดขายของไตรมาสนี้อยู่ที่ 131.31 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่ายอดขายในหลายไตรมาสก่อนหน้านี้
สิ่งที่น่าสนใจสำหรับรายงานในไตรมาสนี้ของ Walmart อยู่ที่ Walmart+ ที่ออกมาเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ที่เสนอบริการจัดส่งฟรีไม่จำกัดให้กับลูกค้า ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญรักษาฐานลูกค้าในช่วงที่เกิดการระบาดของ Covid-19 ซึ่งบริษัทไม่ได้เปิดเผยตัวเลขสมาชิก Walmart+ ในรายงานเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ Covid-19 จำนวน 4 พันล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา และแผนการใช้จ่ายสำหรับปีนี้ทั้งปีอีก 14 พันล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของระบบซัพพลายเชนและระบบอัตโนมัติ เพื่อรองรับกับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจส่งผลให้รายได้บริษัทคงที่ หรืออาจลดลง
สำหรับราคาหุ้นของ Walmart ตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้ -3.21% โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาปิดที่โซน 139.50 ต่ำกว่าเส้น MA200 ในกรอบชาแนลขาลง ที่มาพร้อมการฟอร์มตัวรูปแบบ สามเหลี่ยมขยาย (ฺBroadening) ที่แสดงถึงความผันผวนที่เพิ่มสูงขึ้นก่อนการรายงานรายได้ สำหรับแนวรับแรกอยู่ที่โซน low ของเดือนเมษายน ที่ 135.00 แต่หากรายงานรายได้ออกมาดี ราคาหุ้นอาจกลับขึ้นไปยืนเหนือเส้น MA200 อีกครั้ง โดยมีแนวต้านแรกอยู่ที่โซน high เดิมที่โซน 142.00
The Home Depot Inc (#HomeDepot): ผู้ค้าปลีกด้านการปรับปรุงตกแต่งบ้านที่ใหญ่ที่สุดในโลก คืออีกหนึ่งบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ที่มีกำหนดรายงานผลประกอบการในวันอังคารที่ 18 พฤษภาคม ก่อนตลาดเปิด โดย Zacks คาดการณ์ผลตอบแทนต่อหุ้นสำหรับไตรมาสนี้อยู่ที่ 2.98 ดอลลาร์ สูงกว่า 2.08 ดอลลาร์ ไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่คาดการณ์รายได้อยู่ที่ 34.49 พันล้านดอลลาร์
สำหรับราคาหุ้นของบริษัทที่เพิ่งทำ all-time high ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 21.84% ส่งผลให้นักลงทุนต่างคาดหวังที่จะได้เห็นการทำ all-time high ใหม่ในการรายงานผลประกอบการในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ตามสำหรับไตรมาสล่าสุดนี้พฤติกรรมผู้บริโภคอาจเปลี่ยนไปบ้างจากความคืบหน้าของโครงการฉีดวัคซีน ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้บริโภคอาจมีเวลาอยู่บ้านสำหรับการปรับปรุงซ่อมแซม เนื่องจากมาตรการล้อคดาวน์ แต่ในช่วงของไตรมาสล่าสุดจนถึงตอนนี้ ในจำนวนประชากรสหรัฐฯ ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปได้รับวัคซีนแล้วกว่า 56% ขณะที่สหรัฐฯ มีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 70% ภายในวันที่ 4 มิถุนายน
ราคาหุ้นสัปดาห์ที่ผ่านมาปิดที่โซน 323.50 ลดลงจากโซน all-time high 345.00 ที่ตอนนี้มองเห็น Bearish Divergence ที่อาจะส่งผลให้ราคาหุ้นบริษัทลดลงรุนแรงหากรายได้ออกมาผิดจากที่นักลงทุนคาดหวัง โดยมีแนวรับแรกอยู่ที่บริเวณ low ล่าสุดที่ 316.00 ขณะที่หากผลประกอบการออกมาดี เป้าหมายราคาในขาขึ้นแรกจะอยู่ที่ 335.00 ซึ่งเป็นบริเวณ Fibo 61.8 และ all-time high เดิม 345.00 จะเป็นเป้าหมายถัดไป
คลิกเพื่อดู ปฏิทินเศรษฐกิจ หรือ สัมมนาออนไลน์ฟรี
Chayut Vachirathanakit
Market Analyst – HF Educational Office – Thailand
คำเตือน: เนื้อหานี้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อการสื่อสารการตลาดทั่วไป เพื่อเป็นการให้ข้อมูลข่าวสารเท่านั้น และไม่ถือเป็นการวิจัยเพื่อการลงทุนอิสระ ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดของการสื่อสารนี้ที่ประกอบด้วย หรือควรถูกพิจารณาว่าประกอบด้วย คำแนะนำการลงทุน หรือการชักชวนลงทุน หรือการชักชวนเพื่อวัตถุประสงค์ของการซื้อหรือขายตราสารทางการเงินใดๆ ข้อมูลทั้งหมดถูกรวบรวมจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และทุกข้อมูลประกอบด้วยตัวบ่งชี้ผลงานในอดีต ไม่ได้เป็นการรับประกันหรือเป็นตัวบ่งชี้ที่น่าเชื่อถือสำหรับผลงานในอนาคต ผู้ใช้พึงทราบว่าการลงทุนใดๆ ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Leveraged มีความไม่แน่นอนในระดับหนึ่ง และการลงทุนในลักษณะนี้มีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่สูง ซึ่งผู้ใช้ต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ทางเราไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆ ที่เกิดจากการลงทุนโดยใช้ข้อมูลที่เกิดจากการสื่อสารนี้ การสื่อสารนี้จะต้องไม่ถูกผลิตซ้ำหรือแจกจ่ายต่อ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางเรา