ผลประกอบการของ Tesla ยักษ์ใหญ่ด้านรถยนต์ไฟฟ้า (#Tesla) เมื่อวานนี้เป็นไปตามความคาดหวังของนักวิเคราะห์ ณ วันสุดท้ายของ รายงานทางการเงินประจำไตรมาส 3 ปี 2021 ของ Tesla แสดงให้เห็นว่าแม้จะมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ความแออัดของพอร์ต และไฟฟ้าดับ แต่ผลงานของบริษัทก็ยังแข็งแกร่ง ได้แก่ รายรับรวมอยู่ที่ 13.757 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและปีที่ผ่านเพิ่มขึ้น 15% และ 57% ตามลำดับ [รายได้จากธุรกิจรถยนต์คิดเป็น 87.64% รายได้ธุรกิจพลังงาน (ผลิตภัณฑ์เก็บพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงาน) คิดเป็น 5.86% ส่วนรายได้ด้านบริการ (รายได้ที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ) คิดเป็น 6.50% ]; รายได้ต่อหุ้นอยู่ที่ 1.86 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 28% และ 145% จากไตรมาสก่อนหน้าและปีที่ผ่านมาตามลำดับ รายได้สุทธิ GAAP เกิน 1 พันล้านดอลลาร์เป็นครั้งที่สอง และรายงาน 1.62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 42% ถูกบันทึกไว้และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเกือบ 4 เท่า รายงานยังแสดงให้เห็นว่ากำไรสุทธิของ Tesla ส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทที่เพิ่มขึ้น 30.5% และ 26.6% และอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมตามลำดับ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้สร้างสถิติได้อย่างน้อยในช่วงห้าไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทยังรายงานด้วยว่า เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ลดลงสามไตรมาสติดต่อกันที่ 16.065 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเล็กน้อยประมาณ 10.56%
Tesla ยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับแนวโน้มระยะสั้น โดยระบุว่า “อัตรากำไรจากการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไป” “การขยายกำลังการผลิตและการดำเนินการตามแผน จะยังคงอยู่ในระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม” และ “การส่งมอบยานยนต์จะมีอัตราเฉลี่ยต่อปีโดยเฉลี่ย ร้อยละ 50% การเติบโต”. ในแง่ดี การตัดสินใจเปลี่ยนแบตเตอรี่นิกเกิล-โคบอลต์-อะลูมิเนียมด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ในรถยนต์จะช่วยให้ Tesla เพิ่มอัตรากำไรโดยไม่ต้องขึ้นราคา การปรับปรุงระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ (FSD) อย่างต่อเนื่อง การสมัครงานจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (อนาคตของผลิตภัณฑ์ของเทสลาอาจทำให้ก้าวกระโดดมากขึ้น) – ปัจจัยเหล่านี้มีศักยภาพที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของเทสลา ในทางกลับกัน การสอบสวนโดยองค์การบริหารความปลอดภัยและจราจรบนทางหลวงแห่งชาติ การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น (สหรัฐอเมริกา: Ford, Europe: Volkswagen, China: NIO) และความเสี่ยงระดับภูมิภาคหรือทางการเมือง อาจเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของ Tesla
การวิเคราะห์ทางเทคนิค：
ณ ราคาปิดของเมื่อวาน #Tesla ราคาหุ้นยังคงทรงตัวใกล้กับราคาปิดของวันก่อนหน้าที่ $864.41 โครงสร้างแนวโน้มขาขึ้นโดยรวมยังไม่ถูกทำลาย จากมุมมองของตัวชี้วัดทางเทคนิค MACD และเส้นซิก golden cross เหนือ 0 และยังคงพลิกขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ดัชนี RSI และ Stochastics อยู่ในโซน overbougth ซึ่งส่วนหลังได้ก่อตัวเป็น death cross ดังนั้นเราจึงยังคงต้องตื่นตัวต่อความเสี่ยงของการปรับฐานของราคาทางเทคนิค
$890 – $900 (สูงสุดในเดือนมกราคม 2021) เป็นแนวต้านระยะสั้น การพัฒนาที่ประสบความสำเร็จในด้านนี้อาจทำให้ราคาหุ้น #Tesla สามารถขยายกำไรไปสู่ $945 และ $1,015 มิฉะนั้น $830 จะได้ทำหน้าที่แนวรับที่ใกล้ที่สุด เมื่อรวมกับเส้นกรอบบนของชาแนลขาขึ้น พวกมันจะสร้างโซนแนวรับที่มั่นคง ดังนั้น การปิดแท่งเทียนขาลงที่แข็งแกร่งด้านล่างพื้นที่อาจบ่งบอกถึงความอ่อนแอของราคา และเป้าหมายต่อไปคือ $760 – $764 (ค่ามัธยฐานของนักวิเคราะห์โดยประมาณ) และ 700 ดอลลาร์สหรัฐฯ
คลิกเพื่อดู ปฏิทินเศรษฐกิจ หรือ สัมมนาออนไลน์ฟรี
Larince Zhang
Market Analyst
คำเตือน: เนื้อหานี้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อการสื่อสารการตลาดทั่วไป เพื่อเป็นการให้ข้อมูลข่าวสารเท่านั้น และไม่ถือเป็นการวิจัยเพื่อการลงทุนอิสระ ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดของการสื่อสารนี้ที่ประกอบด้วย หรือควรถูกพิจารณาว่าประกอบด้วย คำแนะนำการลงทุน หรือการชักชวนลงทุน หรือการชักชวนเพื่อวัตถุประสงค์ของการซื้อหรือขายตราสารทางการเงินใดๆ ข้อมูลทั้งหมดถูกรวบรวมจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และทุกข้อมูลประกอบด้วยตัวบ่งชี้ผลงานในอดีต ไม่ได้เป็นการรับประกันหรือเป็นตัวบ่งชี้ที่น่าเชื่อถือสำหรับผลงานในอนาคต ผู้ใช้พึงทราบว่าการลงทุนใดๆ ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Leveraged มีความไม่แน่นอนในระดับหนึ่ง และการลงทุนในลักษณะนี้มีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่สูง ซึ่งผู้ใช้ต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ทางเราไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆ ที่เกิดจากการลงทุนโดยใช้ข้อมูลที่เกิดจากการสื่อสารนี้ การสื่อสารนี้จะต้องไม่ถูกผลิตซ้ำหรือแจกจ่ายต่อ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางเรา
