Amazon (#Amazon) – ยักษ์ใหญ่ด้านค้าปลีกออนไลน์ที่มีมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับสี่ของสหรัฐฯ ที่ $1.68 ล้านล้าน (รองจาก Apple, Microsoft, Alphabet) มีกำหนดรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ใน วันพฤหัสบดี ที่ 28 ตุลาคม หลังตลาดปิด โดย Zacks คาดการณ์ผลตอบแทนต่อหุ้นที่ $8.72 ลดลงจาก $12.37 ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ยอดขายคาดว่าจะอยู่ที่ $111.85 พันล้าน สูงกว่า 96.15 พันล้านของไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา
ตั้งแต่การระบาดของ Covid-19 เป็นต้นมาช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์โตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามหลังจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ดูเหมือนผู้บริโภคกำลังกลับไปใช้ชีวิตในรูปแบบเดิมอีกครั้ง โดยแนวโน้มนี้มองเห็นได้จากรายได้ของ Amazon ในไตรมาสที่ผ่านมา ที่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทลดลงกว่า 7% หลังการรายงานไตรมาสที่ 2 โดยบริษัทได้ให้ความเห็นว่าการเติบโตที่ชะลอตัวนี้อาจดำเนินต่อไปในอีกสองสามไตรมาสข้างหน้า เมื่อเทียบกับช่วงของการระบาดในปีที่ผ่านมา
นอกจากค้าปลีกแล้ว ธุรกิจคลาวด์ก็ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลดีจากการระบาดของ Covid-19 โดยไตรมาสที่ผ่านมา Amazon Web Services (AWS) แผนกคลาวด์ของ Amazon ทำรายได้อยู่ที่ $14.8 พันล้าน คิดเป็นยอดขาย 13% ของยอดขายรวม $113.08 พันล้าน ในไตรมาสที่ 2 และด้วยการขยาย บริการใหม่ของ AWS รวมถึงการเพิ่มผู้ใช้บริการรายใหม่อย่าง Arctic Wolf Networks, Sun Life และการร่วมมือกับ Wyndham Hotels & Resorts ในการพัฒนาบริการให้กับโรงแรม 21 แบรนด์ คาดว่าทั้งหมดนี้จะช่วยให้รายได้แผนกคลาวด์โตต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3 โดย Zacks คาดว่ารายได้ของ AWS ในไตรมาส 3 นี้น่าจะอยู่ที่ $15.5 พันล้าน ขณะที่ในไตรมาสที่ผ่านมาแผนกสตรีมมิ่ง Amazon Prime ซึ่งให้บริการใน 22 ประเทศ ทำรายได้ที่ $7.9 พันล้าน โตขึ้น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่อาจส่งผลต่อผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 คือการก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ของ Jeff Bezos ในไตรมาส 2 (มานั่งประธานฝ่ายบริหาร) และแทนที่ด้วย Andy Jassy หัวหน้าแผนกคลาวด์คอมพิวติ้งของ Amazon
ในมุมมองราคาหุ้นของ #Amazon ตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้สูงขึ้น 3.66% หลังจากราคาลดลงจากโซน all-time high ($3,773.00) จากรายงานไตรมาส 2 ตอนนี้เทรดอยู่ที่โซนราคา $3,376.00 ในกรอบสามเหลี่ยมเหนือ MA20 และ MA200 ราคาที่บีบแคบลงในกรอบสามเหลี่ยมบ่งบอกถึงทิศททางที่ไม่ชัดจน และโมเมนตั้มกำลังลดลง ซึ่งสอดคล้องกับ MACD ที่กำลังขยับใกล้เส้น 0 และ RSI อยู่ใกล้ระดับ 50 นั่นหมายความว่าหากผลประกอบการไตรมาส 3 สูงกว่าหรือต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เราอาจได้เห็นราคาหุ้นของบริษัททะลุออกจากกรอบสามเหลี่ยมนี้ แต่หากผลประกอบการใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์ ราคาหุ้นอาจสวิงในกรอบสามเหลี่ยมต่อไป โดยมีแนวรับแรกที่ MA200 ที่ $3,320.00 และโซน low ของไตรมาสที่ $3,175.00 ขณะที่แนวต้นอยู่ที่ $3,460.00 และโซน high ของไตรมาสที่ $3,550.00
สำหรับปัจจัยที่อาจกดดันราคาหุ้นของบริษัทหลังจากนี้ ได้แก่ ความกดดันด้านเงินเฟ้อและความเคลื่อนไหวของ Fed ขณะที่ปัญหาห่วงโซ่อุปทานและการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ในช่วงที่ผ่านมา อาจกระทบกับยอดขายในส่วนของผลิตภัณท์ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในช่วงฤดูจับจ่ายสำคัญที่กำลังมาถึง
คลิกเพื่อดู ปฏิทินเศรษฐกิจ หรือ สัมมนาออนไลน์ฟรี
Chayut Vachirathanakit
Market Analyst – HF Educational Office – Thailand
คำเตือน: เนื้อหานี้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อการสื่อสารการตลาดทั่วไป เพื่อเป็นการให้ข้อมูลข่าวสารเท่านั้น และไม่ถือเป็นการวิจัยเพื่อการลงทุนอิสระ ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดของการสื่อสารนี้ที่ประกอบด้วย หรือควรถูกพิจารณาว่าประกอบด้วย คำแนะนำการลงทุน หรือการชักชวนลงทุน หรือการชักชวนเพื่อวัตถุประสงค์ของการซื้อหรือขายตราสารทางการเงินใดๆ ข้อมูลทั้งหมดถูกรวบรวมจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และทุกข้อมูลประกอบด้วยตัวบ่งชี้ผลงานในอดีต ไม่ได้เป็นการรับประกันหรือเป็นตัวบ่งชี้ที่น่าเชื่อถือสำหรับผลงานในอนาคต ผู้ใช้พึงทราบว่าการลงทุนใดๆ ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Leveraged มีความไม่แน่นอนในระดับหนึ่ง และการลงทุนในลักษณะนี้มีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่สูง ซึ่งผู้ใช้ต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ทางเราไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆ ที่เกิดจากการลงทุนโดยใช้ข้อมูลที่เกิดจากการสื่อสารนี้ การสื่อสารนี้จะต้องไม่ถูกผลิตซ้ำหรือแจกจ่ายต่อ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางเรา