วันทำการซื้อขายแรกของปีที่ตลาดการเงินมีปาร์ตี้ที่ไม่เหมือนใคร โดยทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับ USA30 และ USA500 หุ้นได้รับเกียรติให้เริ่มดำเนินการในปี 2022 เนื่องจากหมีได้ควบคุมตลาดพันธบัตรไว้โดยสมบูรณ์ ทำให้เป็นการเริ่มต้นปีที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 พันธบัตรอายุที่ครบกำหนดนานขึ้นได้รับผลกระทบจากการขายเนื่องจากนักลงทุนสรุปว่าผลตอบแทนในตลาดต่ำเกินไป เนื่องจากความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและสถานการณ์ที่อาจตึงเครียดของเฟดในเชิงรุก แต่วอลล์สตรีทได้รับแรงกดดันในกลุ่มพลังงาน การตัดสินใจของผู้บริโภค และภาคการเงินที่เป็นผู้นำกำไร ในขณะที่การดูแลสุขภาพ และอสังหาริมทรัพย์ล้าหลัง
วอลล์สตรีทไต่ขึ้นตามจังหวะที่ USA100 พุ่งขึ้นเกือบ 1% โดยการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น Apple ได้หนุนให้บริษัทมีมูลค่าตามราคาตลาดถึงระดับ 3 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากการระบาดของโคโรนาไวรัสทำให้ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ Apple นั้นสูงกว่ามูลค่ารวมของชิปสีน้ำเงินทั้งหมดที่ระบุไว้ใน FTSE 100 ของลอนดอน
บริษัทอย่าง Apple ได้พุ่งสูงขึ้นตั้งแต่เกิดโรคระบาด เนื่องจากอีคอมเมิร์ซ บริการคลาวด์ โซเชียลมีเดีย อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการทำงานจากที่บ้านและสิ่งที่คล้ายกัน ล้วนเป็นที่ต้องการสูง และจะยังคงเป็นเช่นนั้นในอนาคตอันใกล้ แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น แม้ว่าเศรษฐกิจจะถดถอยจากการระบาด ยักษ์ไหญ่ด้านเทคโนโลยียังคงลงทุนอย่างหนักในด้านการวิจัยและพัฒนา และดำเนินการเข้าซื้อกิจการหลายครั้งเพื่อครองตลาด นี่เป็นกลยุทธ์เก่าที่ดูเหมือนจะได้ผลแม้ในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ (เช่น Apple ซื้อบริษัท VR ในเดือนพฤษภาคม 2020)
ดังนั้น ความเชื่อมั่นโดยรวมยังคงเป็นไปในทางบวก เนื่องจากตลาดยังคงมีแรงซื้อตามเรื่องราวของการฟื้นตัว ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้ผลตอบแทนและหุ้นสูงขึ้น การเคลื่อนไหวของ Apple เพิ่มขึ้นถึง 41% ตั้งแต่มกราคม 2021 ในขณะที่ราคาเพิ่มขึ้นสามเท่า นับตั้งแต่เกิดการระบาดครั้งใหญ่ในเดือนมีนาคม 2020 โดยมูลค่าตามราคาตลาดประมาณเพิ่มขึ้นราวๆ 2 ล้านล้านดอลลาร์
ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือบทความของ Reuter เตือนเราว่า: “หุ้นของ Apple เพิ่มขึ้นประมาณ 5,800% นับตั้งแต่ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตผู้บริหารระดับสูง Steve Jobs เปิดตัว iPhone เครื่องแรกในเดือนมกราคม 2007 ซึ่งแซงหน้าการเพิ่มขึ้นของ S&P 500 ที่ประมาณ 230% อย่างมากในช่วงเวลาเดียวกัน”
#Apple เพิ่มขึ้น 2.50% เมื่อวานนี้ และเพิ่มขึ้นเป็น 182.86 ดอลลาร์ โมเมนตัมเชิงบวกที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยไม่คำนึงถึงการดึงกลับในช่วงต้นเดือนธันวาคม RSI ตรึงใกล้กับพื้นที่ 60-70 ในขณะที่เส้น MACD อยู่เหนือโซนเป็นกลางซึ่งบ่งบอกถึงภาวะกระทิงในระยะกลาง
นับตั้งแต่แนวต้านของปี 2021 ได้รับผลกระทบและพังทลายไปแล้ว หากตลาดกระทิงขึ้นเหนือและทำการเคลื่อนไหวล่าสุดต่อไปสำหรับแนวต้านสำหรับสินทรัพย์อาจมาที่ 185.00 (EMA 200-สัปดาห์) และที่ 192.00 (100.0% FE) ในทางกลับกัน การดึงกลับดูเหมือนจะเป็นเพียงการปรับฐานในระยะสั้นโดยมีค่าอยู่ 172.00 (61.8% FE) และ 167.60 (ต่ำสุดของเดือน และโซนล่างของ Bollinger Band รายวัน) ซึ่งจะเป็นฟลอร์ให้แก่สินทรัพย์
โดยทั่วไป หุ้นมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปีใหม่ เนื่องจากกระแสเงินสดใหม่มาจากกองทุนบำเหน็จบำนาญและผู้จัดการการลงทุน ทั้งหมดอาจไม่สดใสสำหรับหุ้นในปี 2022 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากนักลงทุนจะต้องต่อสู้กับความไม่แน่นอนของการระบาดใหญ่ที่กำลังดำเนินอยู่ และมีแนวโน้มสูงที่เฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม หากเฟดสามารถจำกัดอัตราเงินเฟ้อได้ตามที่คาดไว้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 และไม่มีการระบาดใหญ่ที่น่าประหลาดใจอีกต่อไปในสหรัฐฯ และตลาดตราสารทุนทั่วโลกสามารถทรงตัวในการขยายกำไรเป็นปีที่สี่ติดต่อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจ่ายเงินปันผลที่สูง
คลิกเพื่อดู ปฏิทินเศรษฐกิจ หรือ สัมมนาออนไลน์ฟรี
Andria Pichidi
Market Analyst
คำเตือน: เนื้อหานี้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อการสื่อสารการตลาดทั่วไป เพื่อเป็นการให้ข้อมูลข่าวสารเท่านั้น และไม่ถือเป็นการวิจัยเพื่อการลงทุนอิสระ ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดของการสื่อสารนี้ที่ประกอบด้วย หรือควรถูกพิจารณาว่าประกอบด้วย คำแนะนำการลงทุน หรือการชักชวนลงทุน หรือการชักชวนเพื่อวัตถุประสงค์ของการซื้อหรือขายตราสารทางการเงินใดๆ ข้อมูลทั้งหมดถูกรวบรวมจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และทุกข้อมูลประกอบด้วยตัวบ่งชี้ผลงานในอดีต ไม่ได้เป็นการรับประกันหรือเป็นตัวบ่งชี้ที่น่าเชื่อถือสำหรับผลงานในอนาคต ผู้ใช้พึงทราบว่าการลงทุนใดๆ ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Leveraged มีความไม่แน่นอนในระดับหนึ่ง และการลงทุนในลักษณะนี้มีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่สูง ซึ่งผู้ใช้ต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ทางเราไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆ ที่เกิดจากการลงทุนโดยใช้ข้อมูลที่เกิดจากการสื่อสารนี้ การสื่อสารนี้จะต้องไม่ถูกผลิตซ้ำหรือแจกจ่ายต่อ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางเรา
