เข้าสู่สัปดาห์ที่สองของไตรมาสใหม่ กับฤดูกาลรายงานผลประกอบการของวอลสตรีท โดยหุ้นที่น่าสนใจสำหรับ วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน คงหนีไม่พ้นสามบริษัทอันดับต้นของวัน ซึ่งได้แก่ Morgan Stanley, Wells Fargo และ UnitedHealth Group ซึ่งจะมีกำหนดรายงานก่อนตลาดสหรัฐฯ เปิด โดยรายงานผลประกอบการไตรมาสนี้มาพร้อมกับความร้อนแรงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ที่ตอนนี้ผลตอบแทนอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ กำลังทำสถิติสูงสุดในรอบสี่ปีเหนือ 2.8% ในสัปดาห์นี้ เช่นเดียวกับเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนมีนาคม ที่ยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องที่ระดับ 8.5% ต่อปี จาก 7.9% อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อไม่รวมราคาอาหารและพลังงานลดลงที่ 0.3% ต่อเดือน จาก 0.5% ของเดือนก่อนหน้า ซึ่งถูกมองว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจกำลังอยู่ในจุดสูงสุดและกำลังจะลดลง ขณะที่แผนการปรับลดงบดุลของเฟดอาจเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน
นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว สงครามในยูเครน การระบาดใหญ่ของสายพันธุ์โอไมคร่อน และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน กำลังกระทบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้การคาดการณ์รายได้ไตรมาส 1 ปี 2022 ของ Morgan Stanley และ Wells Fargo อยู่ในระดับต่ำกว่าหลายไตรมาสก่อนหน้านี้ โดย Zacks คาดว่ายอดขายของ Morgan Stanley จะอยู่ที่ $14.61 พันล้านต่ำกว่า $15.72 พันล้านในช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าเล็กน้อยเหนือ $14.52 พันล้านของไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่ผลตอบแทนต่อหุ้นคาดว่าจะอยู่ที่ $1.69 ต่ำกว่า $2.22 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และต่ำกว่าห้าไตรมาสล่าสุด
#MorganStanley – สำหรับราคาหุ้นของบริษัทตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้ลดลงแล้วกว่า -14.50% โดยมีแรงหนุนจากสัญญาณ death cross ที่เห็นในช่วงกลางเดือนมีนาคม ส่งผลให้ตอนนี้ราคาหุ้นของบริษัทยังคงตรึงอยู่ที่โซน low ของไตรมาส 1 โดยวันอังคารราคาปิดที่ 83.93 ซึ่งหากหลุดโซน low เดิม ที่ 82.00 จะมีแนวรับถัดไปที่ระดับ Fibo 161.8 ที่โซน 74.00 อย่างไรก็ตามหากรายได้ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ราคาอาจเด้งขึ้นด้วยรูปแบบ double bottom ที่กำลังฟอร์มตัวอยู่ตอนนี้ โดยมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่โซน high ของไตรมาส ที่ 95.00
ในส่วนของ Wells Fargo คาดว่ายอดขายไตรมาส 1 จะอยู่ที่ $17.77 พันล้าน ต่ำกว่า $18.06 พันล้านในช่วงเดียววกันของปีก่อน และ $20.85 พันล้านของไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ผลตอบแทนต่อหุ้นคาดว่าจะต่ำกว่าของสี่ไตรมาสก่อน ที่ $0.83 และต่ำกว่า $1.05 ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
#WellsFargo – ราคาหุ้นบริษัทลดลงเล็กน้อยในปีนี้ ที่ -2.31% หลังจากขยับขึ้นทำ high รอบสี่ปีที่ 60.30 และร่วงลงต่อเนื่องหลังจากนั้นด้วยสัญญาณ bearish divergence ทำให้ภาพรวมราคาหุ้นบริษัทยังคงเอนเอียงไปทางขาลง ที่หากราคาหลุด 47.00 จะมีแนวรับถัดไปที่โซน 42.00 ในทางกลับกันหากราคาขึ้นยืนเหนือเส้น MA200 ได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่โซน 54.00
ในขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารมีแนวโน้มทำผลงานได้แย่ลงในไตรมาสนี้ UnitedHealth Group ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทประกันสุขภาพเอกชนรายใหญ่ที่สุด ได้รับการคาดการณ์ยอดขายสำหรับไตรมาสที่ 1 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ $78.64 พันล้าน โตขึ้น 12.03% จาก $70.20 พันล้านของช่วงเดียวกันในปีก่อน ขณะที่ผลตอบแทนต่อหุ้นคาดว่าจะอยู่ที่ $5.40 ซึ่งสูงกว่าหกไตรมาสก่อนหน้านี้
#UnitedHealth – ราคาหุ้นขอบริษัทมีการปรับฐานลดลงจากโซน all-time high 548.97 ที่เห็นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งหากการปรับฐานยังคงดำเนินต่อไป (สอดคล้องกับ RSI ที่กำลังลงจากโซน overbought) จะมีแนวรับถัดไปที่โซน 508.50 และตัวเลขกลมๆ 500.00 ที่บริเวณเส้น MA50 ในทางกลับกัน หากผลประกอบการออกมาดี แนวต้านถัดไปจะอยู่ที่ระดับ Fibo 261.8 ที่โซน 610.00
คลิกเพื่อดู ปฏิทินเศรษฐกิจ หรือ สัมมนาออนไลน์ฟรี
Chayut Vachirathanakit
Market Analyst – HF Educational Office – Thailand
คำเตือน: เนื้อหานี้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อการสื่อสารการตลาดทั่วไป เพื่อเป็นการให้ข้อมูลข่าวสารเท่านั้น และไม่ถือเป็นการวิจัยเพื่อการลงทุนอิสระ ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดของการสื่อสารนี้ที่ประกอบด้วย หรือควรถูกพิจารณาว่าประกอบด้วย คำแนะนำการลงทุน หรือการชักชวนลงทุน หรือการชักชวนเพื่อวัตถุประสงค์ของการซื้อหรือขายตราสารทางการเงินใดๆ ข้อมูลทั้งหมดถูกรวบรวมจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และทุกข้อมูลประกอบด้วยตัวบ่งชี้ผลงานในอดีต ไม่ได้เป็นการรับประกันหรือเป็นตัวบ่งชี้ที่น่าเชื่อถือสำหรับผลงานในอนาคต ผู้ใช้พึงทราบว่าการลงทุนใดๆ ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Leveraged มีความไม่แน่นอนในระดับหนึ่ง และการลงทุนในลักษณะนี้มีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่สูง ซึ่งผู้ใช้ต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ทางเราไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆ ที่เกิดจากการลงทุนโดยใช้ข้อมูลที่เกิดจากการสื่อสารนี้ การสื่อสารนี้จะต้องไม่ถูกผลิตซ้ำหรือแจกจ่ายต่อ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางเรา