ญี่ปุ่น: สิ้นปีบัญชี

ทั่วโลกมีการเติบโตที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ดูเหมือนจะเป็นการนั่งพักอยู่บนเก้าอี้ขาเดียว เช่นเดียวกับเอเชียที่การส่งออก/คำสั่งซื้อที่ชะลอตัวลง ยุโรปเองก็อยู่ในสภาพที่น่ากังวลว่าสภาพเศรษฐกิจปีนี้ที่อาจชะลอตัว

อันที่จริงแล้วเศรษฐกิจมีการกระเตื้องเล็กในแถบเอเชีย จีนคือประเทศหนึ่งที่น่าจับตา คาดการณ์กันว่าปีนี้ธนาคารกลางของกลุ่ม G-7 ยังคงนโยบายเดิม หรือหากมีการเพิ่มเติมก็อาจจะทำเพื่อเอื้อต่อเสถียรภาพเท่านั้น

การส่งออกของกลุ่มประเทศในเอเชียชะลอตัวในเดือนนี้ การขึ้นกำแพงภาษีรวมถึงเศรษฐกิจที่ชะลอตัวถูกนำไปถ่วงน้ำหนักกับการส่งออกของประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ส่วนฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ใต้หวัน และไทย มีการส่งออกลดลง (y/y) ในเดือนนี้ อินเดียและมาเลย์เซียการส่งออกโตอย่างช้าๆ

วันหยุดช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาสามารถอธิบายได้ว่าในช่วงรอยต่อของปีมีการถดถอยอย่างเห็นได้ชัด  แต่ด้วยกำแพงภาษีสหรัฐฯ ทำให้จีนส่งออกไปยังประเทศอื่นมากขึ้น เศรษฐกิจจีนไตรมาส 4 โตที่ 6.4% y/y ถือเป็น จุดที่ต่ำสุดซึ่งเท่ากับไตรมาส 1 ของปี 2009 คาดว่าจะได้รับการปรับเพิ่มเติมในปีนี้ ด้วย GDP 6.0% y/y ภายในไตรมาส 4 ปี 2019 นี้

ข้อมูลโดยทั่วไปของประเทศในแถบเอเชีย อัตราเงินเฟ้อที่เคยเพิ่มสูงขึ้นก็ได้ชะลอลงช่วงต้นปี ด้วยเศรษฐกิจที่ลดความร้อนแรงลงและราคาพลังงานที่ลดลง CPI ของจีนปรับลดไปที่ 1.5% y/y ในเดือนกุมภาพันธ์ จาก 1.7% ของเดือนมกราคม โดยตัวเลข 1.7% y/y เคยเป็นตัวเลขของเดือนพฤศจิกายน ปี 2017

ในขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นยังคงมาตรฐานตัวเลขเงินเฟ้อ/เงินฝืดที่ต่ำในหมู่ประเทศ G-7 ตัวเลข CPI (ไม่รวมอาหารสดแต่รวมพลังงาน) ลดลงไปที่ 0.7% y/y ในเดือนกุมภาพันธ์จาก 0.8% ในเดือนมกราคม

BoJ ยังคงตั้งเป้าตัวเลขไว้ที่ 2.0% ซึ่งคงอีกนานกว่าจะได้เห็นตัวเลขนั้น

ที่จริงแล้ว จาก “สรุปความเห็น” ของธนาคารกลางญี่ปุ่น ที่มีการประชุมเมื่อเดือนมีนาคมถึงแนวทาง “การปรับเพิ่มมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน” เพื่อนำไปสู่ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคตามที่วางไว้ BoJ ยังคงวัตถุประสงค์ของนโยบายเดิมโดยครบถ้วน ในขณะที่เฝ้ามองการเติบโตของเศรษฐกิจ ต้องคอยระวังผลข้างเคียงจากการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไปด้วย

ด้วยเหตุนี้ตัวเลข CPI ของเมืองโตเกียวที่กำลังจะออกมาพร้อมข้อมูลด้านการผลิตคืนนี้ จะเป็นการชี้วัดประสิทธิผลของนโยบายที่ BoJ ใช้อยู่ วันนี้จะเป็นการประกาศข้อมูลครั้งสุดท้ายก่อนจะเริ่มปีงบประมาณใหม่ของญี่ปุ่น ด้วยเหตุที่ปีงบประมาณของญี่ปุ่นนั้นเริ่มในเดือนเมษายนนั่นเอง


ข้อมูลคืนนี้: ดัชนี้ชี้นำค่าเงินเฟ้อของประเทศ (Tokyo CPI) ถูกคาดการณ์คงเดิมที่ 1.1% y/y ในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นระดับเดียวกับเดือนกุมภาพันธ์ การผลิตภาคอุตสาหกรรมถูกคาดการณ์ว่าจะดีขึ้นที่ตัวเลข 1.4% m/m ในเดือนกุมภาพันธ์เทียบกับ -3.4% m/m ในเดือนมกราคม ในขณะที่ตัวเลขค้าปลีกถูกคาดการณ์เพิ่มขึ้นเป็น 0.9% y/y ในเดือนกุมภาพันธ์เทียบกับ 0.6% ในเดือนมกราคม

หมายเหตุ: ในเดือนมกราคม BoJ ลดการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ เช่นเดียวกับ CPI ของปีงบประมาณ (FY) 2018 ที่ 0.8% (เคยอยู่ที่ 0.9%) ปีงบประมาณ 2019 ที่ 0.9% (เคยอยู่ที่ 1.4%)


BoJ ยังคงมุมมองความเสี่ยงขาลงต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น “ที่มีความชัดเจนมากขึ้น” ท่ามกลางสัญญาณการมาถึงของภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก การเติบโตที่ชะลอลง รวมถึงการเพิ่มภาษีอาจสร้างผลกระทบในวันข้างหน้า

ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าตัวเลข Tokyo CPI จะมาจากเมืองเดียวของญี่ปุ่นก็ตาม มันจะเปรียบเสมือนตัวแทนชี้วัดเงินเฟ้อของประเทศเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นเมืองที่มีประชากรมากสุดของญี่ปุ่น ในทางทฤษฎีแล้วอำนาจซื้อของเงินเยน (JPY) ถูกฉุดลงด้วยเงินเฟ้อ ด้วยเหตุนี้ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจึงเป็นผลบวกต่อค่าเงินเยน ขณะที่หากตัวเลขตรงกันข้ามก็จะส่งผลลบต่อค่าเงินเยน

แต่แนวโน้มกว้างๆ ด้านการค้า CPI และ GDP ในเศรษฐกิจอาเซี่ยนด้วยกันแล้ว ถือว่าคงเส้นคงวาด้วยการชะลอตัวของภาคการส่งออก และการเติบโตในภูมิภาคปี 2019

ปล่อยให้ภาวะสับสนของ Brexit เป็นตัวปรับลดโอกาสการเติบโตของกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) ความท้าทายของเอเชียคือปัญหาในตลาดตราสารทุน/หุ้น (equity markets) ในปีนี้ ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยประคับประคองตลาดตราสารหนี้ด้วย (fixed income markets)

คลิก ที่นี่ เพื่อดูปฎิทินเศรษฐกิจ

Andria Pichidi

Market Analyst

คำเตือน: บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อการสื่อสารด้านการตลาดทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่การวิจัยเพื่อการลงทุน และไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ที่ประกอบด้วยคำแนะนำเพื่อการลงทุนหรือถูกพิจรณาว่าเป็นคำแนะนำเพื่อการลงทุน หรือชักชวนให้ซื้อหรือขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ข้อมูลทั้งหมดนี้ถูกรวบรวมจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และทุกข้อมูลประกอบด้วยผลงานในอดีตที่ไม่สามารถรับประกัน หรือชี้วัดผลงานในอนาคตได้ ผู้ใช้ต้องเข้าใจว่าการลงทุนใน FX และผลิตภัณฑ์ CFDs มีลักษณะเฉพาะที่มีระดับความเสี่ยงสูง ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องแบกรับความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว ทางเราจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายจากการลงทุนใดๆ ที่เกิดจากการนำข้อมูลนี้ไปใช้ ข้อมูลนี้จะต้องไม่มีการผลิตซ้ำหรือแจกจ่ายโดยปราศจากการได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร