ดอลลาร์ถูกเทขายในเดือนตุลาคม เพิ่งจะกลับมาฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในช่วงการเทรดสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากตลาดหุ้นได้ขยับขึ้นทำ all-time highs รวมถึงสงครามการค้าสหรัฐและจีนจะกลับมาสานสัมพันธ์กันอีกครั้ง สิ่งที่รออยู่ในช่วงที่เหลือของเดือนพฤศจิกายน จะเป็นอย่างไรในตอนสิ้นปี?
CURRENCIES
Dollar: ดอลลาร์อ่อนลงอย่างน่าสนใจในเดือนตุลาคม โดยหลักแล้วการคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยของ FED ในการประชุมวันที่ 29/30 ตุลาคม ซึ่งพวกเค้าลดจริง USDIndex เทรดกันที่ระดับดีขึ้นจาก high รอบสองปีเหนือ 99.00 ปิดเดือนแถว 97.00 ร่วงลงมากกว่า 2% อย่างไรก็ตามผลตอบแทนดอลลาร์ยังคงได้เปรียบ เหนือ Euro และ Yen โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาจหนุนค่าเงิน USD จนถึงสิ้นปีนี้ เนืองจากเศรษฐกิจสหรัฐเองก็ทำผลงานได้ค่อนข้างดี โดยข้อมูล NFP เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ตัวเลขจ้างงานที่ยังคงดีต่อเนื่องและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้น การคาดการณ์ที่ลดลงของดอลลาร์ (เกิดขึ้นหลังจากการส่งสัญญาณล่าสุดจาก FED) เข้าสู่ช่วงสิ้นปี อาจไม่น่าทึ่งตามที่มีการคาดการณ์กันเอาไว้ ข้อมูลสำคัญเดือนพฤศจิกายนประกอบไปด้วย: ISM PMI นอกภาคการผลิต (วันที่ 5), ข้อมูล CPI (วันที่ 13), ค้าปลีก (วันที่ 15), รายงานของ FOMC (วันที่ 20) และการอ่านค่ารอบสองของ GDP ไตรมาส 3 และคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (วันที่ 27)
Euro: EURUSD ขยับขึ้นจาก lows รอบ 29 เดือนในระหว่างเดือนตุลาคมที่ 1.0880 ไปจบเดือนที่ 1.1150 ทำจุดสูงสุดที่ 1.1175 เดือนตุลาคมกลายเป็นเดือนที่ EURUSD ทำผลงานได้ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2018 เมื่อตอนที่คู่นี้เคยทำจุดสูงสุดที่ 1.2540 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นเทรนด์ขาลงต่อเนื่อง มันมองเห็นเพียงแค่ 6 เดือนที่เป็นบวกในรอบ 20 เดือนล่าสุด ยูโรตอนนี้ผ่านระดับสำคัญ 1.1100 และระดับจิตวิทยานี้ยังคงมีความสำคัญอยู่ อย่างไรก็ตาม ในแง่ปัจจัยพื้นฐานแล้วยูโรยังคงได้รับแรงกดดัน ด้วยการเติบโตที่ชะลอตัวของอียู (ภาวะหดตัวภาคการผลิตของเยอรมันกำลังลุกลามสู่ภาคบริการ?) ประธาน ECB คนใหม่ นางสาว Lagarde (ทนายความ, นักการเมืองและนักเจรจามมากกว่าการเป็นนักเศรษฐศาสตร์) ตามด้วยความน่ากังวลของการเมืองอิตาลี่ และความไม่แน่นอนของ Brexit ทั้งหมดนี้รวมๆ แล้วเป็นผลลบต่อค่าเงิน EUR รายงานการประชุมนโยบายของ ECB คือหัวข้ออีเว้นท์สำคัญสำหรับเดือนพฤศจิกายน (วันที่ 21), ควบคู่ไปกับ GDP ไตรมาส 3 (วันที่ 14) และ CPI (วันที 29).
Sterling: ความไม่แน่นอนของ Brexit ตามที่ขีดเส้นตายไว้วันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านไปแล้ว ข้อตกลง Brexit ใหม่ ที่ในที่สุดก็นำไปสู่การขอให้มีการเลือกตั้งใหม่ (วันที่ 12 ธันวาคม) ได้ครอบงำค่าเงินสเตอร์ลิงตลอดช่วงเดือนตุลาคม สเตอร์ลิงได้ขยับขึ้นจาก low เดือนตุลาคมจากการเจรจาข้อตกลงของอังกฤษและอียู และความคืบหน้าเริ่มปรากฎให้เห็น เคเบิ้ลขยับจากใต้ 1.2200 จากต้นเดือนกว่า 6.5% เพื่อทะลุ 1.3000 ก่อนที่จะจบเดือนที่ 1.2935 เนื่องจากโอกาสการเกิด No Deal Brexit นั้นลดต่ำลง ข้อมูลเศรษฐกิจที่ปล่อยออกมาและ BOE จะยังคงบรรเลงต่อเนื่องไปกับนิยายการเมืองที่กำลังดำเนินอยู่ตอนนี้ นั่นคือกระบวนการ Brexit ตอนนี้ยุ่งเหยิงและนำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปอย่างจัง การประชุม BOE เพื่อประกาศอัตราดอกเบี้ย ซึ่งถือว่าอยู่ในภาวะปกติและจะกลายเป็นอีเว้นท์สำคัญประจำเดือน (วันที่ 7), รายงานตัวเลข GDP (วันที่ 11), CPI (วันที่ 13), ค้าปลีก (วันที่ 14) และผล Bank Stress Test ที่สำคัญ (วันที่ 27).
Yen: สกุลเงินญี่ปุ่นมีทิศทางที่ไม่แน่นอนระหว่างเดือนตุลาคม ด้วยคู่สำคัญอย่าง USDJPY ปิดที่ระดับเดิมแถว 108.00 ด้วยความโน้มเอียงเป็นขาขึ้นเวลานี้ คู่นี้ได้เดินทางสู่ highs เหนือ 109.00 และ lows ต่ำกว่า 106.50 ข้อมูลเศรษฐกิจตกต่ำลงอีกครั้ง ด้วยเงินเฟ้อที่อ่อน และดุลการค้าที่ชะงักไม่ใช่แค่เรื่องของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเท่านั้น แต่ยังคงมีเรื่องการเมืองระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ และการทะเลาะด้านเศรษฐกิจกับเกาหลีใต้ที่เริ่มร้าวลึก อย่างไรก็ตามค้าปลีกและการใช้จ่ายของครัวเรือนได้เพิ่มขึ้นอย่างน่าแปลกใจ วันสำคัญของเดือนที่กำลังมาถึงได้แก่ GDP (วันที่ 14), CPI (วันที่ 22) ค้าปลีก (วันที่ 28) และความเชื่อมั่นผู้บริโภค (วันที่ 29)
Aussie: ออสซี่ขยับขึ้นตรงข้ามกับคู่ (crosses) อื่นๆ ในเดือนตุลาคม AUDUSD เทรดกันที่ระดับสูงกว่า lows รอบ 10 ปีที่ 0.6670 วันวันแรกของเดือน แต่ก็ก็สามารถกลับขึ้นมาที่ 0.6900 ก่อนสิ้นเดือน ทำให้เห็นการขยับขึ้นมา 3.45% สำหรับเดือนนั้น บรรยากาศที่ดีขึ้นของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเป็นผลดีต่อออสซี่ เนื่องจากออสเตรเลียเปิดรับเศรษฐกิจจีนที่ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักด้านความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคครัวเรือนและตัวเลขเงินเฟ้อที่อ่อนยังคงเป็นที่น่ากังวล การอนุมัติการก่อสร้างเดือนสิงหาคมลดลงกว่า -9.7% ถือว่าเป็นตัวเลขแย่สุดเท่าที่เคยมีมา การประกาศของ RBA มีขึ้นวันที่ 4 ซึ่งยืนยันไม่มีการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่มีการลดไปแล้วเมื่อช่วงต้นปี และด้วยแนวโน้มที่ยังคงเงียบ อีเว้นท์สำคัญอื่นๆ สำหรับเดือนพฤศจิกายนได้แก่ ข้อมูลจ้างงาน (วันที่ 14), รายงานของ RBA (วันที่ 19) และทุนการใช้จ่ายภาคเอกชน (Private Capital Expenditure) (วันที่ 28)
Loonie: เดือนตุลาคมถือเป็นเดือนที่ทิศทางไม่แน่นอนสำหรับ CAD (Loonie) ขยับขึ้นเมื่อเทียบกับ JPY และลดลงเมื่อเทียบกับ USD โดย USDCAD เคลื่อนไหวราวๆ 300 pips จากระดับ highs เหนือ 1.3340 ช่วงต้นเดือน ไปสู่ lows ที่ 1.3040 ภายหลังจากที่มีการเลือกตั้งเมื่อ 21 ตุลาคม ซึ่งเป็นการกลับมาอีกครั้งของนกยกรัฐมนตรี Trudeau แต่ก็เป็นการกลับมาด้วยคะแนนเสียงที่ลดลง USDCAD จบสิ้นเดือนที่ 1.3150 เนื่องจาก BOC คงอัตราดอกเบี้ยไว้ไม่เปลี่ยนแปลงที่ 1.75% แต่ก็ได้มีการเสนอมุมมองผ่อนคลายทางการเงินเนื่องจาก “ด้วยความขัดแย้งทางการค้าที่ได้รับการทดสอบเพิ่มมากขึ้น และความไม่แน่นอนที่ยังคงอยู่” ตัวเลขจ้างงานที่น่าจะดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ค่อนข้างมาก แต่ GDP อ่อน ค้าปลีกและการอ่านค่าเงินเฟ้อเดือนตุลาคมยังคงส่งสัญญาณไม่ชัดเจนสำหรับ BOC อีเว้นท์สำคัญเดือนพฤศจิกายนได้แก่ ตัวเลขจ้างงาน (วันที่ 8), CPI (วันที่ 20), ค้าปลีก (วันที่ 22) และ GDP (วันที่ 29).
Emerging: Ruble เทรดกันเหนือระดับ 65.00 เทียบกับดอลลาร์ ในช่วงเริ่มต้นของเดือนแต่ก็มีแรงหนุนต่อเนื่องจนจบเดือน เนื่องจากราคาน้ำมันกลับขึ้นมาและ USD อ่อน ปิดที่ 64.00 ZAR ก็เช่นกันติดพื้น หลังจากที่เริ่มต้นเดือนด้วยการอ่อนค่า USDZAR ร่วงจาก 15.4000 ลงไปอยู่ใต้ 14.6000 ก่อนจะสามารถกลับมาจบเดือนที่เหนือระดับ 15.0000 Lira ตุรกีลงในช่วงต้นและกลับขึ้นมาได้ในช่วงสิ้นเดือน USDTRY ร่วงจาก highs 5.925 ช่วงกลางเดือน และร่วงก่อนวันที่ 31 ไปปิดที่ 5.695
COMMODITIES
Gold: ทอง มั่นคงในเดือนตุลาคมแต่ปิดในฝั่งขาขึ้น ต่ำกว่าระดับ highs ของเดือนสิงหาคมและกันยายน จาก lows ต่ำกว่า $1470 ทองไม่สามารถทะลุ $1515 และจบเดือนที่ $1512 เหนือระดับสำคัญ $1500 และเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันที่ $1490 ความต่อเนื่องของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงความตึงเครียดทางการเมืองทั่วโลกยังคงส่งผลบวกต่อเนื่องสำหรับ ทอง ในขาขึ้นและไม่ยอมลง แนวรับยังคงอยู่ที่โซน $1500-1460 ด้วยภาพรวมทิศทางยังคงแข็งแกร่งด้วยความโน้มเอียงไปทางขาลง ธนาคารกลางยกการตั้งคำถาม และการลดอัตราดอกเบี้ยควรต้องเกิดขึ้น ในระยะยาวยังคงเป็นผลดีต่อราคา ทอง
Silver: ราคาของ เงิน (Silver) มั่นคงที่ระดับต่ำกว่า highs ของเดือนสิงหาคมและกันยายน ราคาทำเทรนด์สูงขึ้นจาก lows ที่ $16.88 และเส้นค่าเฉลี่ย 200 ในช่วงต้นเดือน จบเดือนเหนือ $18.00 เดือนพฤศจิกายนเริ่มด้วยการเทขายอย่างหนักเนื่องจากการแข็งค่าของ USD และการกลับมาของภาวะความเชื่อมั่น (risk on) ของตลาด เนื่องจาก low เดือนตุลาคมได้รับการทดสอบอีกครั้ง PMIs ภาคการผลิตที่ยังคงอ่อนต่อเนื่องไปลดความต้องการ เงิน ของภาคอุตสาหกรรม และเมื่อปราศจาก safe haven คอยหนุนทอง เงิน อาจจะตกอยู่ในภาวะกดดันหนักเข้าไปอีก ถ้าการแถลงในเฟส 1 ข้อตกลงทางการค้าสหรัฐและจีนไม่สามารถตกลงได้ หรือไม่สามารถลงนามได้ก่อนสิ้นปี
Oil: ราคาน้ำมัน (USOil) ยังคงผันผวนในเดือนตุลาคม และจบเดือนด้วยการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยด้วยแท่ง Doji จาก lows ต่ำกว่า $51.00 เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ราคาได้ขยับขึ้นไปที่ $56.88 ก่อน 28 ตุลาคม แต่ก็ติดอยู่ที่เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน และร่วงลงอย่างมีนัยสำคัญไปจนสิ้นเดือนปิดที่ $54.00 เดือนพฤศจิกายนได้เห็นการกลับขึ้นมาตามด้วยการขยับขึ้นของตลาดหุ้น และความเชื่อมั่นตลาดที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามราคายังคงผันผวนเนื่องจากดีมานด์และซัพพลายยังคงไม่สามารถคาดเดาได้ เนื่องจากตัวเลขคงเหลือของจากจุด pivot ของ USOil ที่ถูกสร้างขึ้นและลดลงสัปดาห์ต่อสัปดาห์ สถานการณ์ในลิเบีย วิกฤติในเวเนซูเอล่าที่ยังดำเนินอยู่ และความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านที่ได้เย็นลง แต่ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่จะหนุนราคาในระยะยาว แรงหนุนสำคัญของราคาน้ำมันมาจากการลดปริมาณการผลิตของ OPEC และ Non-OPEC อย่างไรก็ตามความต้องการของตลาดโลกที่ลดลงจากกรณีสงครามการค้า และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลงยังคงเป็นตัวฉุดความต้องการอย่างต่อเนื่อง
INDICES
US: ตลาดหุ้นสหรัฐ (USA30, USA100, และ USA500) ทั้งหมดบวกในเดือนตุลาคม หลังจากที่ปิดบวกในเดือนกันยายนมาแล้ว และมีการเทรดกันที่ระดับ all-time highs ใหม่ เป็นอีกครั้งที่เส้นค่าเฉลี่ยกลายเป็นแนวรับสำคัญสำหรับดัชนีหุ้นทั้งสามตัว USA30 ขยับขึ้นมาจากใต้ระดับ 26,000 ไปทะลุ 27,700 ในต้นเดือนพฤศจิกายน USA500 ขยับมากกว่าจากต่ำกว่า 2880 ขึ้นไปเหนือ 3080 ในต้นเดือนพฤศจิกายน และดัชนีหุ้นเทคโนโลยี USA100 ขยับขึ้นต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ทั้งหมดนี้ได้รับอานิสงค์จากรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ที่ออกมาดีกว่าคาด USA100 เคลื่อนไหวออกจาก lows ที่เห็นเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่อยู่ต่ำกว่า 7500 ไปเทรดกันที่ระดับเหนือกว่า 8200 ในระหว่างสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน การปะทะคารมเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้ากับ จีน เริ่มเย็นลง และการพูดคุยในเฟส 1 กำลังเข้าสู่การลงนามเห็นชอบภายในสิ้นปีนี้ ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และเป็นการยกตลาดสหรัฐ
Europe: ตลาดหุ้นในแถบยุโรปขยับตามตลาดแลกเปลี่ยนสหรัฐ อย่างที่เห็น GER30 และ FRA40 แม้จะผันผวนอย่างมีนัยสำคัญแต่ก็ขยับขึ้นมาบวก อย่างไรก็ตามข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมายังคงมีทิศทางที่ไม่ชัดเจน และโดยเฉพาะข้อมูล PMI ยังคงอ่อน เช่นเดียวกัน ดัชนี UK100 ขยับบวกในระหว่างเดือนตุลาคม แม้ สเตอร์ลิง จะเด้งกลับขึ้นมาและข้อตกลงใหม่ของ Brexit ได้รับความเห็นชอบ (จากอียู) ก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาอังกฤษ จนนำไปสู่การขอให้มีการเลือกตั้งทั่วไป จึงสร้างความไม่แน่นอนให้กับทั้งค่าเงิน สเตอร์ลิง และตลาดหุ้นอังกฤษเอง
Japan: ดัชนี JPY225 ก็เช่นเดียวกัน เคลื่อนไหวในทิศทางบวก จากบรรยากาศทางการค้าที่ผ่อนคลายของสหรัฐและจีน และญี่ปุ่นได้ตกลงกับข้อจำกัดทางการค้ากับสหรัฐไปเรียบร้อย อย่างไรก็ตามความขัดแย้งทางการเมืองและเศรษฐกิจกับเกาหลีใต้ยังคงรุนแรงต่อเนื่อง และอาจจะกระทบกับประเทศผู้ส่งออกทั้งสองอย่างมีนัยสำคัญ ดัชนี JPY225 ขยับจากแนวรับแข็งแกร่งจากเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 21,300 ไปอยู่เหนือ 23,400 ระหว่างช่วงสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน เศรษฐกิจญี่ปุ่นทำผลงานย่ำแย่อีกครั้งในช่วงเดือนที่ผ่านมาด้วยข้อมูลที่อ่อนในบางจุด อย่างไรก็ตามภาพรวมเศรษฐกิจกำลังดีขึ้นเป็นลำดับ เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่เหนือระดับศูนย์ รวมถึงการใช้จ่ายและการเติบโตของหนี้ยังคงเป็นบวก ในฐานะที่เป็นประเทศผู้ส่งออก สภาพแวดล้อมของเศรษฐกิจมหภาคต้องมีความผ่อนคลายจากความตึงเครียดการค้าโลก และการผ่อนคลายจากการแข็งค่าของค่าเงินเยน ซึ่งทั้งคู่กำลังแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีขึ้น
คลิก ที่นี่ เพื่อดูปฏิทินเศรษฐกิจ
Stuart Cowell
Head Market Analyst
คำเตือน: บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อการสื่อสารด้านการตลาดทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่การวิจัยเพื่อการลงทุน และไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ที่ประกอบด้วยคำแนะนำเพื่อการลงทุนหรือถูกพิจรณาว่าเป็นคำแนะนำเพื่อการลงทุน หรือชักชวนให้ซื้อหรือขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ข้อมูลทั้งหมดนี้ถูกรวบรวมจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และทุกข้อมูลประกอบด้วยผลงานในอดีตที่ไม่สามารถรับประกัน หรือชี้วัดผลงานในอนาคตได้ ผู้ใช้พึงเข้าใจว่าการลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่มี Leveraged มีลักษณะเฉพาะที่มีระดับความเสี่ยงสูง ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องแบกรับความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว ทางเราจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายจากการลงทุนใดๆ ที่เกิดจากการนำข้อมูลนี้ไปใช้ ข้อมูลนี้จะต้องไม่มีการผลิตซ้ำหรือแจกจ่ายโดยปราศจากการได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร