ทรัมป์ ทำตลาดป่วน (อีกแล้ว)

ทรัมป์ ทำตลาดป่วน (อีกแล้ว)

ผลจากการทวีทข้อความของ ทรัมป์ ประธานธิบดีสหรัฐ ที่ว่า “การเจรจาทางการค้ากับจีนจะดำเนินต่อไป และระหว่างนี้สหรัฐจะมีการเพิ่มกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 10% จากของเดิม 3 แสนล้าน โดยจะเริ่ม 1 ก.ย.”

ตลาดหุ้นสหรัฐตอบสนองข้อความดังกล่าวทันที โดยดัชนี Dow Jones ปิด -280.85 (1.05%) ลงไปที่ 26,583.42 Nasdaq -64.30 อยู่ที่ 8,111.12 (0.79%) ขณะที่ S&P 500 -26.82 (0.90%) อยู่ที่ 2,953.56

ในกรณีการทวีทของ ทรัมป์ เห็นได้ชัดว่าเงินทุนได้ไหลออกจากตลาดหุ้นเข้าสู่กลุ่มสินทรัพย์ที่ปลอดภัย (safe haven) อีกครั้ง โดยที่ราคาทองพุ่งขึ้นกว่า 50 เหรียญ จากแถว 1400 ไปที่ 1449 เมื่อเช้านี้ ก่อนจะกลับลงมาที่ 1430

ในช่วงเวลาเดียวกันสกุลเงินที่ปลอดภัยอย่าง JPY เองก็แข็งค่าขึ้นมาทันที ทำให้ USDJPY ร่วงลงกว่า 100 pips หลังจากที่เมื่อวานมีการขยับขึ้นในช่วงแรกของตลาดเอเชีย แล้วหลังจากนั้นก็ลงต่อเนื่องทั้งวัน และลงหนักหลังการทวีทของ ทรัมป์

ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าความตึงเครียดทางการค้า โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐและจีนจะยังคงสร้างผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ และตลาดทุนทั่วโลกต่อไป ยังไม่รวมถึงกิจการภายในของสหรัฐเอง กับการที่ ทรัมป์ แสดงความไม่พอใจการทำหน้าที่ของประธานเฟด Powell มาสักระยะหนึ่งแล้ว และการแถลงครั้งล่าสุดของเฟดเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมายิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับ ทรัมป์ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลการหาเสียงทางการเมือง หรือเพื่อผลประโยชน์ของสหรัฐ ทรัมป์ ได้กลายเป็นปัจจัยที่ตลาดต้องจับตาหลังจากนี้ ก่อนการเลือกตั้งในปี 2020 จะมาถึง

คลิก ที่นี่ เพื่อดูปฏิทินเศรษฐกิจ

Chayut Vachirathanakit
Market Analyst – HF Educational Office – Thailand

คำเตือน: บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อการสื่อสารด้านการตลาดทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่การวิจัยเพื่อการลงทุน และไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ที่ประกอบด้วยคำแนะนำเพื่อการลงทุนหรือถูกพิจรณาว่าเป็นคำแนะนำเพื่อการลงทุน หรือชักชวนให้ซื้อหรือขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ข้อมูลทั้งหมดนี้ถูกรวบรวมจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และทุกข้อมูลประกอบด้วยผลงานในอดีตที่ไม่สามารถรับประกัน หรือชี้วัดผลงานในอนาคตได้ ผู้ใช้พึงเข้าใจว่าการลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่มี Leveraged มีลักษณะเฉพาะที่มีระดับความเสี่ยงสูง ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องแบกรับความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว ทางเราจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายจากการลงทุนใดๆ ที่เกิดจากการนำข้อมูลนี้ไปใช้ ข้อมูลนี้จะต้องไม่มีการผลิตซ้ำหรือแจกจ่ายโดยปราศจากการได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร